ในช่วงเทศกาลสวัสดีปีใหม่แบบจีน กิจกรรมที่ขาดไม่ได้เลยคือการไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ รวมญาติ ท่องเที่ยวเฉลิมฉลอง และในทุกๆกิจกรรมที่กล่าวมาจะมีเรื่องของอาหารการกินแฝงอยู่ตลอด ตั้งแต่เป็นทั้งอาหารสำหรับไหว้และอาหารไว้รับประทาน อาหารประจำตรุษจีนทุกอย่างต้องเป็นอาหารที่มีความหมายเป็นมงคลแก่ชีวิตปีหน้าฟ้าใหม่ เมื่อถึงเทศกาลงานเลี้ยงขนาดนี้แล้ว เราจะพลาดได้อย่างไร ของอร่อยๆก็มาเต็มที่ มาดูกันดีกว่าว่าเราจะพยายามดูแลควบคุมอาหารและโภชนาการได้มากแค่ไหน
อย่างจานอาหารคาว หมายรวมถึงวัตถุดิบจากพวกเนื้อสัตว์ต่างๆ ได้แก่ หมู ไก่ และอาหารทะเล ความหมายมงคลที่สื่อถึง เช่น หมู หมายถึง ความมั่งคั่ง ความอุดมสมบูรณ์ ไก่ หมายถึง ความเจริญก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงาน ปลา หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์เหลือกินเหลือใช้ เป็นต้น เรื่องราวของความเชื่อผนวกกับขนมธรรมเนียมประเพณี ทำให้เราคุ้นเคย มีความสุขกับการกิน กับช่วงเทศกาลมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษแล้ว ซึ่งบางทีเราก็ลืมนึกไป และก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าตำรับของอาหารจีนส่วนใหญ่นั้นมักจะเน้นเนื้อสัตว์ มีการใช้น้ำมันเยอะ รสจัดจ้าน ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวได้ เช่น ในผู้สูงอายุที่บริโภคเนื้อสัตว์มากๆ อาจพบอาการเคี้ยวลำบาก อาหารย่อยยาก การที่อาหารรสจัดเกินไป ทั้งหวาน มัน เค็ม ก็จะเสี่ยงต่อโรคในกลุ่มเบาหวาน ความดัน หัวใจและหลอดเลือด โรคไต
สิ่งที่เราจะดูแลได้คือกำหนดปริมาณและชนิดของเนื้อสัตว์ อย่าบริโภคเนื้อสัตว์มากเกินไป เลือกกินเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่าย เช่น ปลานึ่ง ไก่ต้ม พยายามเลี่ยงเนื้อสัตว์ที่ติดมัน เช่น หนังสัตว์ หมูสามชั้น ไขมันสัตว์ เป็นต้น และเลี่ยงการนำไปปรุงประกอบอาหารโดยวิธีทอดหรือใช้น้ำมันมากๆ เพราะอาจจะเสี่ยงต่อการได้รับไขมันมาก จนส่งผลต่อการสะสมไขมันในหลอดเลือดได้ แนะนำให้เลือกเป็นวิธีต้ม นึ่ง ผัดด้วยน้ำ หรือผัดด้วยน้ำมันน้อยๆแทน ซึ่งการเลือกชนิดน้ำมันที่ดีต่อสุขภาพก็สำคัญ เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันคาโนล่า เป็นต้น เพราะจะมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง ช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้
สำหรับจานอาหารหวานหรือขนม หลักๆที่เป็นที่นิยมตามประเพณีที่สืบต่อกันมา ได้แก่ ขนมถ้วยฟู ซึ่งหมายถึง ความเจริญเฟื่องฟู ขนมเข่งและขนมเทียน หมายถึง ความมั่งคั่งร่ำรวย ขนมจันอับ หมายถึง เจริญงอกงามดั่งเมล็ดธัญพืช ราบรื่นตลอดปี และยังมีซาลาเปา ขนมบัวลอยหรือขนมอี๋ ซิ่วท้อ และอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน ส่วนประกอบหลักของขนมพวกนี้คือแป้ง น้ำตาล และไขมัน ที่ให้พลังงานหรือแคลอรี่มหาศาล แม้ว่ามันจะอร่อยมากแค่ไหนกินแล้วเฮงๆมากแค่ไหน เราก็ต้องกลับมาพิจารณาถึงโภชนาการด้วยเช่นกัน
สิ่งที่เราจะดูแลได้คือการกำหนดปริมาณเช่นกัน อย่ากินเพลินจนหยุดไม่ได้ และหากบ้านไหนที่ทำขนมเอง ควรเลือกตำรับที่มีการลดการใช้แป้ง น้ำตาล น้ำมันลงบ้าง เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น หรือทำเป็นชิ้นเล็กๆ พอคำ เวลาคนมาหยิบกินจะได้จำกัดปริมาณไปเลย และที่สำคัญพยายามอย่านำขนมเหล่านี้ไปทำให้มีการเพิ่มพลังงานขึ้นไปอีกแม้ว่ามันจะอร่อยขึ้นก็ตาม เช่น การนำซาลาเปาหรือการนำขนมเข่งไปทอดและราดนมข้น หรือต้มบัวลอยกับกะทิข้นๆ เป็นต้น หากรู้สึกไม่อิ่มจริงๆหรืออยากหาของหวานรับประทานก่อนจบมื้ออาหาร แนะนำให้เลือกเป็นผลไม้สดแทนดีกว่า นอกจากได้ความสดชื่นแล้ว ยังได้ใยอาหารและวิตามินที่ดีต่อสุขภาพด้วย
เอกสารอ้างอิง
- บทความ เตรียมของไหว้ตรุษจีนให้เฮง! มารู้จักความหมายของ’อาหารมงคล’