การปั่นจักรยานเป็นกีฬาที่นิยมมากในปัจจุบัน แต่สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่รู้ว่าปั่นจักรยานอย่างไร ที่ไหนดี ลองมาทำความเข้าใจกับรูปแบบของการปั่นจักรยานกัน
แบบที่ 1 ปั่นจักรยานอยู่กับที่บนจักรยานฟิตเนส ข้อดีของการปั่นแบบนี้คือลดแรงกระแทกบริเวณข้อต่อต่างๆ ข้อเข่าได้ และยังเหมาะกับคนที่มีอาการปวดหลังหรือน้ำหนักตัวมาก เพราะน้ำหนักตัวจะถูกแบกรับโดยอานที่นั่งเท่านั้น ไม่มีแรงกระแทกของน้ำหนักตัวจากก้นไปจนถึงศีรษะทำให้ไม่เสี่ยงต่ออาการปวดหลัง นอกจากนี้ การปั่นอยู่กับที่ทำให้สามารถทำกิจกรรมพักผ่อนอย่างอื่นไปด้วย เช่น ดูทีวี ข่าว รายการโชว์ หรือละครหลังข่าว ก็จะทำให้รู้สึกเพลิดเพลินไปอีก ข้อเสียที่อาจจะพบได้คือ รู้สึกเบื่อหน่าย เพราะอยู่ในพื้นที่เดิมๆ บรรยากาศเดิมๆ
แบบที่ 2 ปั่นจักรยานเสือภูเขา เป็นการปั่นจักรยานที่ต้องใช้พละกำลังมากเพื่อให้ร่างกายมีความอดทนสูง กล้ามเนื้อต้องแข็งแรงระดับในระดับปานกลาง เนื่องจากเป็นการปั่นจักรยานแบบการผจญภัย พื้นที่การปั่นเป็นทางเรียบสลับกับทางลาดชัน ซึ่งต้องใช้แรงในการปั่นอย่างมาก เพื่อต้านทานกับน้ำหนักตัวบวกกับแรงโน้มถ่วงของโลก ข้อดีของการปั่นจักรยานประเภทนี้คือได้มีโอกาสผจญภัย ท่องเที่ยวไปกับธรรมชาติในเวลาเดียวกัน
แบบที่ 3 ปั่นจักรยานเสือหมอบ ถือเป็นการปั่นแบบอึดมากที่สุด มาราธอนมากที่สุด ส่วนใหญ่เป็นนักปั่นมืออาชีพที่จะต้องปั่นแข่งกันในระยะทางไกลหลายกิโลเมตร บางทีระยะทางอาจจะข้ามจังหวัดข้ามประเทศเลยทีเดียว ดังนั้น ความอึดความอดทนก็ต้องมีมากกว่าจักรยานเสือภูเขาแน่นอน แต่การปั่นในลักษณะนี้ ถือเป็นเครื่องการันตีว่านักปั่นที่สามารถพิชิตเส้นชัยได้จะอาศัยประสบการณ์ การฝึกฝนที่ดี และต้องมีสุขภาพร่างกายและสุขภาพหัวใจที่เยี่ยมยอดมาก
แต่ไม่ว่าเราจะเลือกหรือชื่นชอบการปั่นจักรยานในลักษณะไหนก็ตาม การออกแรงปั่นจักรยานถือเป็นกิจกรรมเพื่อสุขภาพทั้งสิ้น และจากการศึกษาจากประเทศอังกฤษเมื่อต้นปี 2017 พบว่า การปั่นจักรยานเป็นประจำสม่ำเสมอ สามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ถึงร้อยละ 46 และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งถึงร้อยละ 45
เอกสารอ้างอิง
Celis-Morales CA. et al. (2017) Association between active commuting and incident cardiovascular disease, cancer, and mortality: prospective cohort study, BMJ 2017;357:j1456
