ถั่วพิสตาชิโอ (Pistachio) เป็นถั่วที่ได้รับความนิยมมากพอสมควรในปัจจุบัน เนื่องจากมีรสชาติอร่อยและดีต่อสุขภาพ ลักษณะของถั่วพิสตาชิโอจะมีเปลือกสีขาวหุ้ม เนื้อข้างในเป็นสีเขียวเหลือบม่วงๆ จัดอยู่ในตระกูลถั่วเปลือกแข็ง แม้ว่าจะมีไขมันค่อนข้างมาก แต่เป็นไขมันประเภทที่ให้ผลดีต่อสุขภาพ สามารถลดระดับไขมันในเลือด ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดลงได้เมื่อมีพฤติกรรมการบริโภคที่ดีร่วมด้วย
คุณค่าทางโภชนาการมีอะไรบ้าง?
โดยเฉลี่ยแล้วถั่วพิสตาชิโออบแห้ง ปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 571 กิโลแคลอรี่ มีคาร์โบไฮเดรต 27.7 กรัม ใยอาหาร 10.3 กรัม ไขมันรวม 46 กรัม (แบ่งเป็นชนิดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว 24.2 กรัม ไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง 13.9 กรัม) กรดไขมันโอเมก้า-3 262 มิลลิกรัม กรดไขมันโอเมก้า-6 13,636 มิลลิกรัม โปรตีน 21.3 กรัม และประกอบด้วยวิตามินแร่ธาตุหลายชนิด ได้แก่ วิตามินเอ 262 IU วิตามินซี 2.3 มิลลิกรัม วิตามินอี 1.9 มิลลิกรัม วิตามินบี6 1.3 มิลลิกรัม โฟเลต 50 ไมโครกรัม โคลีน 71.4 มิลิลกรัม แคลเซียม 110 มิลลิกรัม เหล็ก 4.2 มิลลิกรัม แมกนีเซียม 120 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 485 มิลลิกรัม ไฟโตสเตอรอล 214 มิลลิกรัม เป็นต้น
กินแล้วได้อะไร…ในถั่วพิสตาชิโอมีอะไรดี?
แล้วควรกินปริมาณเท่าไร?
คนส่วนใหญ่รับประทานถั่วพิสตาชิโอเป็นขนม ของว่าง ของกินเล่นระหว่างมื้ออาหาร แต่ปัจจุบันก็พบว่ามีการนำถั่วพิสตาชิโอไปปรุงประกอบอาหารอื่นๆด้วย เช่น นำไปใส่ในสลัด พาสต้า ขนมปังธัญพืช ไอศครีม คุกกี้ถั่ว เป็นต้น หากต้องการรับประทานถั่วพิสตาชิโอเป็นของว่างระหว่างมื้อ ปริมาณที่ควรรับประทานไม่ควรเกิน 1 อุ้งมือ หรือประมาณ 30-40 กรัมต่อวัน
หากกำลังมองหาขนมที่ดีต่อใจ ขอฝากถั่วพิสตาชิโอเป็นตัวเลือกด้วยนะคะ
เอกสารอ้างอิง
Mark L Dreher; Pistachio nuts: composition and potential health benefits, Nutrition Reviews, Volume 70, Issue 4, 1 April 2012, Pages 234–240, https://doi.org/10.1111/j.1753-4887.2011.00467.x
ทัทยา อนุสสร (2555) ถั่วและธัญพืช เมล็ดพันธุ์แห่งสุขภาพ, มติชน : กรุงเทพฯ