“งา” ธัญพืชเมล็ดจิ๋วแต่แจ๋ว

งา ถูกจัดอยู่ในตระกูลพืชล้มลุก ที่นิยมบริโภคในปัจจุบัน มี 2 แบบ คือ งาขาวและงาดำ นำมาเป็นส่วนประกอบในอาหาร หรือนำมาสกัดเป็นน้ำมันเพื่อใช้ปรุงประกอบอาหาร พบมากในแถบทวีปเอเชียและกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ในเรื่องคุณค่าทางโภชนาการของงาขาวและงาดำไม่แตกต่างกันมากนัก ซึ่งประกอบไปด้วย

1. สารต้านอนุมูลอิสระ: เซซามิน (sesamin) เซซาโมลิน (sesamolin) และเซซามอล (sesamol)      ช่วยลดการเกิดอนุมูลอิสระภายในร่างกาย ทำให้อวัยวะต่างๆทำงานได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งตับ สมอง และหัวใจ นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงผม หนังศืรษะ และผิวพรรณ
2. โปรตีน และกรดอะมิโนเมธิโอนีน จัดเป็นกรดอะมิโนจำเป็น ซึ่งร่างกายสังเคราะห์ขึ้นมาเองไม่ได้
3. กรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว มีปริมาณสูงถึงร้อยละ 80 ของไขมันทั้งหมด ประกอบด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 โอเมก้า 6 กรดโอเลอิก และกรดไลโนเลอิก ดังนั้นจะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ดี และสามารถป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันได้
4. อื่นๆ เช่น ใยอาหาร ไฟโตสเตอรอล (Phytosterol) ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดระดับไขมันคอเลสตอรอลในเลือด และมีส่วนช่วยทำให้อาการความดันโลหิตสูงดีขึ้นด้วย

        อย่างไรก็ตาม งาดำและงาขาวเป็นพืชที่มีน้ำมันเป็นองค์ประกอบหลัก ให้พลังงานสูงถึง 650-700 กิโลแคลอรี่ ต่อ 100 กรัม จึงควรนำมาบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม หรือประมาณวันละไม่เกิน 1 ช้อนโต๊ะ (15 กรัม) โดยสามารถนำเมล็ดงาและน้ำมันงาไปใช้ในการปรุงประกอบอาหารได้หลายอย่าง เช่น โรยผสมในสลัดผัก ขนมปังธัญพืชผสมงาดำ หุงข้าวผสมงา น้ำเต้าหู้หรือนมถั่วเหลืองผสมงาดำ บัวลอยงาดำน้ำขิง ขนมงาตัด เป็นต้น และในส่วนของน้ำมันงา เมื่อนำมาใช้ทำอาหารจะทำให้อาหารมีกลิ่นหอมชวนน่ารับประทาน ซึ่งกลิ่นของน้ำมันงาเป็นตัวช่วยที่ดีในการเพิ่มความอยากอาหารได้ และยังมีสรรพคุณทางยาใช้เป็นยาระบายอ่อนๆด้วย เพียงเท่านี้ก็จะได้รับสารอาหารที่อัดแน่นไปด้วยคุณประโยชน์จากงาแน่นอน

เอกสารอ้างอิง

Khosravi-Boroujeni H et al. (2017) Can sesame consumption improve blood pressure? A systematic review and meta-analysis of controlled trials, J Sci Food Agric, Vol.97, p3087-3094

Chandra LC&Kuvibidila S (2012) Health Benefits of Sesame Oil on Hypertension and Atherosclerosis, AJBBL, Vol.1(1), p36-42