บทความนี้จะช่วยให้เราสังเกตตัวเองและคนรอบข้างว่ามีภาวะเสี่ยงโรคหัวใจหรือไม่ รวมถึงวิธีแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าหากเกิดโรคหัวใจในภาวะวิกฤต
ก่อนอื่นมารู้จักอาการ หัวใจวาย หรือ ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (Heart Attack) ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่สำคัญของประชากรทั่วโลกกันก่อน
หัวใจวายมักเป็นอาการที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน โดยไม่มีอาการให้เห็นมาก่อน อาจเกิดจากการโหมออกกำลังกายอย่างหนัก ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้นและเต้นไม่สม่ำเสมอ ความดันเพิ่ม และเกิดการอุดตันในหลอดเลือด
นพ.ปัญเกียรติ โตพิพัฒน์ อายุรแพทย์โรคหัวใจและการสวนหลอดเลือด โรงพยาบาลเวชธานี ได้แจกแจงถึงสัญญาณอันตรายก่อนจะเกิดอาการหัวใจวายว่ามักจะมีอาการดังนี้
- แน่นหน้าอกเหมือนมีอะไรหนักๆ มากดทับ
- จุกแน่นหรือแสบบริเวณลิ้นปี่
- หายใจสั้น หอบ
- อาจมีอาการเจ็บร้าวที่บริเวณแขน คอ ไหล่ และกราม
- เหงื่อออกท่วมตัว
- คลื่นไส้ หน้ามืด ใจสั่น
ถ้าออกกำลังกายแล้วมีอาการข้างต้นอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอาการประกอบกันให้หยุดออกกำลังกายทันที แล้วแจ้งให้คนใกล้ตัวทราบ สังเกตอาการประมาณ 10-20 นาที ถ้าไม่ดีขึ้นต้องรีบไปพบแพทย์หรือเรียกรถฉุกเฉินไปโรงพยาบาลทันที
แต่หากหมดสติคนรอบข้างต้องช่วยกันอย่างทันท่วงที โดย นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.)ได้ให้คำแนะนำไว้ดังนี้
เริ่มแรกคือต้องพาผู้ป่วยมาอยู่ในที่ที่ปลอดภัย เช่นถ้าวิ่งหรือขี่จักรยานอยู่แล้วหมดสติ ต้องประคองออกมานอกถนน หลังจากนั้นให้โทรสายด่วน 1669 หรือเรียกรถพยาบาลใกล้เคียงเพื่อขอความช่วยเหลือ
ระหว่างที่รอรถพยาบาลต้องเริ่มช่วยฟื้นคืนชีพ หรือ CPR การช่วยจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นหากทำร่วมกับการใช้เครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจชนิดอัตโนมัติ หรือ AED(ขณะนี้ สพฉ.รณรงค์ให้มีการติดตั้งในพื้นที่สาธารณะเพิ่มขึ้นแล้ว)
จากนั้นก็เริ่มกดปั๊มหัวใจ โดยจัดให้ผู้ป่วยนอนหงายบนพื้นผู้ช่วยเหลือนั่งคุกเข่าอยู่ด้านข้างผู้ป่วย โน้มตัวเพื่อให้แขนตั้งฉากกับหน้าอกผู้ป่วย เหยียดแขนให้ตรงและตึง แล้ววางส้นมือลงไปตามแนวกึ่งกลางของหน้าอกผู้ป่วยประสานนิ้วและล็อคนิ้ว กระดกข้อมือขึ้นลง โดยให้ส้นมือสัมผัสกับหน้าอกเท่านั้น
การออกแรงกด ให้ใช้แรงจากหัวไหล่ จุดหมุนอยู่ตรงสะโพก กดให้หน้าอกยุบลงไปอย่างน้อย 5 เซนติเมตร โดยให้ส้นมือสัมผัสกับหน้าอกผู้ป่วยตลอดการนวดหัวใจ ด้วยความเร็ว 100 ครั้งต่อนาที และทำไปเรื่อยๆ จนกว่ารถพยาบาลจะมาถึง
สุดท้าย ใครที่ออกกำลังหนักๆเป็นประจำ หรือใครที่เคยสงสัยว่าตัวเองจะเป็นโรคหัวใจหรือไม่ ควรไปตรวจสุขภาพประจำปีก่อนออกกำลังกายจะปลอดภัยที่สุด
แหล่งข้อมูล
http://www.manager.co.th/daily/viewnews.aspx?NewsID=9600000008914