แนะนำกันไปหลายครั้งแล้วว่าอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี ไม่เสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บก็คืออาหารที่ลดหวาน มัน เค็ม สำหรับคนที่ชอบกินเค็มจัดนั้นต้อง เริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก่อนที่จะสายเกินแก้ อย่างที่ทราบกันว่าความเค็มมาจากเกลือโซเดียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่ง มีหน้าที่หลักในการรักษาสมดุลของน้ำและอิเลคโตรไลท์ (electrolyte) ในร่างกาย ควบคุมระดับความดันโลหิต ร่างกายมีการขับน้ำและแร่ธาตุ ซึ่งรวมถึงโซเดียมได้ 3 ทาง ได้แก่ ปัสสาวะ เหงื่อ อุจจาระ ในผู้ที่เป็นโรคบางโรคอย่างเช่น โรคไต จะมีประสิทธิภาพในการขับโซเดียมจะลดลง ซึ่งทำให้เกิดการคั่งของโซเดียมในเลือด
การจำกัดและควบคุมปริมาณเกลือโซเดียม จะช่วยควบคุมและป้องกันความดันโลหิตสูง รวมทั้งป้องกันการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว ลดภาวะบวมน้ำ ในผู้ป่วยโรคหัวใจและโรคไตด้วย ดังนั้นใน 1 วัน ความต้องการสูงสุดของโซเดียมที่ร่างกาย ได้รับและไม่ทำให้เกิดอันตรายอยู่ที่ 2,400 มิลลิกรัม หากคิดเป็นหน่วยครัวเรือน จะเท่ากับเกลือป่นประมาณ 1 ช้อนชา
เกลือโซเดียมอยู่ที่ไหนบ้าง
1. อาหารธรรมชาติ แม้จะมีโซเดียมเป็นส่วนประกอบแทบทุกชนิด แต่ก็อยู่ในปริมาณที่น้อย แต่พบว่าเฉพาะเนื้อสัตว์ นม ไข่ จะมีปริมาณโซเดียมสูงกว่าพวก ผักผลไม้ ธัญพืช และถั่วเมล็ดแห้ง
2. อาหารแปรรูปต่างๆ ได้แก่ อาหารกระป๋องทุกชนิด อาหารหมักดอง อาหารเค็ม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมกรุบกรอบ เนื้อ เค็ม ไข่เค็ม ปลาเค็ม ปลาร้า และผัก/ผลไม้ดอง เค้ก คุกกี้ แพนเค้ก ขนมปัง ที่มีผงฟูเป็นองค์ประกอบในการทำอาหาร เป็นต้น
3. เครื่องปรุงรสชนิดต่างๆ อ้างอิงจากข้อมูลสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว คนที่ชอบรับประทานอาหารรสเค็ม ควรหันมาดูแลสุขภาพของตัวเอง ก่อนที่จะทำลายสุขภาพร่างกายและหัวใจไปมากกว่านี้ โดยการปรับนิสัยการกินอาหารให้มีรสจืดลง ไม่เติมเครื่องปรุงรส และพยายามกินอาหารจากธรรมชาติให้มากที่สุด
เอกสารอ้างอิง
สมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย, เอกสารเผยแพร่ ลดเค็มพิชิตภัยเงียบ เข้าถึงได้จาก http://www.thaihypertension.org/files/237_1.LowSalt.pdf
วันทนีย์ เกรียงสินยศ, เอกสารเผยแพร่ ลดโซเดียม ยืดชีวิต เข้าถึงได้จาก http://tnfc.fda.moph.go.th/file/fileDoc/2015-04-29_6645.pdf
