“...พอเพียง มีความหมายกว้างขวางยิ่งกว่านี้อีก คือคำว่าพอ ก็พอเพียงนี้ก็พอแค่นั้นเอง คนเราถ้าพอในความต้องการก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความโลภน้อยก็เบียดเบียนคนอื่นน้อย ถ้าประเทศใดมีความคิดอันนี้ มีความคิดว่าทำอะไรต้องพอเพียง หมายความว่าพอประมาณ ซื่อตรง ไม่โลภอย่างมาก คนเราก็อยู่เป็นสุข พอเพียงนี้อาจจะมี มีมากอาจจะมีของหรูหราก็ได้ แต่ว่าต้องไม่ไปเบียดเบียนคนอื่น...”
พระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๑ ณ ศาลาดุสิดาลัย
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง แนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระราชทานมานานกว่าหลายสิบปี เป็นแนวคิดที่ตั้งอยู่บนรากฐานของวัฒนธรรมไทย เป็นแนวทางการพัฒนาที่ตั้งบนพื้นฐานของทางสายกลาง และความไม่ประมาท คำนึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันในตัวเอง ตลอดจนใช้ความรู้และคุณธรรม เป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิตที่สำคัญจะต้องมี “สติ ปัญญา และความเพียร” ซึ่งจะนำไปสู่ความสุขในการดำเนินชีวิตอย่างแท้จริง
ในบทความนี้ มีความตั้งใจนำเสนอกินอาหารตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ดังนี้
พอประมาณ ปรับพฤติกรรมการกินอาหารเพื่อให้มีสุขภาพดีโดยยึดหลัก 4 พอ คือ พอเหมาะ พอควร พอดี พอเพียง เพื่อให้ได้พลังงานและสารอาหารเพียงพอกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน และใช้จ่ายอย่างเหมาะสมพอเพียงกับฐานะความเป็นอยู่ของแต่ละบุคคล
ความพอประมาณในการกินอาหาร หมายถึงอะไรได้บ้าง
-หยุดกินเมื่อรู้สึกเริ่มจะอิ่ม ถึงแม้ว่าอาหารนั้นจะอร่อยมากก็ตาม พยายามตัดความอยากให้ได้
-หมั่นดูแลน้ำหนักตัวและสำรวจร่างกาย ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายที่จะบอกเราว่ากินน้อยไป พอดี หรือมากไป
-เลือกซื้ออาหารเพื่อสุขภาพ ปริมาณให้เพียงพอรับประทาน ไม่เหลือทิ้งขว้าง
-พิจารณาราคาอาหารพอประมาณ ไม่แพงเกินไป หรือแพงจนต้องเดือดร้อนตนเองและครอบครัว
ความมีเหตุผล ก่อนกิน ก่อนดื่ม ก่อนซื้ออาหาร ให้ถามตัวเองว่า กินหรือดื่มหรือซื้อเพราะอะไร เหตุผลที่ดีคือ เพราะหิวหรือกระหาย นั่นเป็นคุณค่าแห่งอาหารที่แท้จริง เพราะคุณค่าแท้ของอาหารคือทำให้อิ่ม ช่วยบำรุงร่างกายให้มีชีวิตเป็นปกติ หากเหตุผลคือเพราะอยากกิน อร่อย อดใจไม่ไหว เสียดาย ความเกรงใจต่อคนให้หรือคนปรุงอาหาร หรืออื่นๆ นั้นเป็นคุณค่าเทียมแก่อาหารนั้น ซึ่งอาจจะไม่เป็นผลดีนัก
เทคนิคการถามหาเหตุผลที่แท้จริงง่ายๆ ได้แก่
-อาหารเช้าเป็นมื้อสำคัญยังไงก็ต้องหารับประทานให้ได้ ไม่ว่าจะหิวหรือไม่ก็ตาม
-อาหารที่จะกินนั้นมีความจำเป็นและมีคุณค่าต่อร่างกายหรือไม่ มีผักผลไม้เพียงพอไหม มีไขมันมากไปหรือไม่
-ปริมาณที่ซื้อที่กินต้องมีเหตุผลว่าพอเหมาะพอเพียงหรือไม่ ไม่มากหรือน้อยเกินไป ราคาสมเหตุสมผลหรือไม่
การสร้างภูมิคุ้มกันในตัวดี การมีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี หมายถึง มีการเตรียมตัวให้พร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ ที่จะรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล เช่น
-ต้องมีสุขภาพดีทั้งกายและใจ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทำจิตใจให้สงบ จัดการปรับอารมณ์ให้พร้อม
-เตรียมรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ อย่างมีสติ มีการวางแผนในการจับจ่ายซื้อของ มีเงินออมเพียงพอ
-วางแผนปลูกผักสวนครัวรั้วกินได้ หาซื้ออาหารปลอดภัยจากแหล่งผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ
-มีความรู้และทักษะในการเลือกซื้อเลือกกินอาหารอย่างถูกต้องเหมาะสม มีจุดยืนของตัวเองและรู้เท่าทัน เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อของการโฆษณาที่ชอบให้หลงซื้อมาบริโภคโดยไม่จำเป็นต่อร่างกาย
ตามปรัชญาหลักเศรษฐกิจพอเพียง นอกจากจะต้องคำนึงถึง “ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันในตัวเอง” แล้วยังต้องนำอีกสองเงื่อนไข เข้ามาพิจารณาประกอบ นั่นคือ “การใช้ความรู้และคุณธรรมเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิต” โดยจะพูดถึงเป็นลำดับต่อไปใน “บทความกินอาหารตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตอนที่ 2” ค่ะ
เอกสารอ้างอิง
สง่า ดามาพงษ์ และคณะ (2551) กินให้มีสุข ยุคอาหารแพง, โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก: กรุงเทพฯ
มูลนิธิชัยพัฒนา, จุดเริ่มต้นแนวเศรษฐกิจพอเพียง ข้อมูลจากเว็บไซต์ http://www.chaipat.or.th/site_content/34-13/3579-2010-10-08-05-24-39.html