คนยุคใหม่ซื้ออาหารขนมและเครื่องดื่มสำเร็จรูปมากขึ้นทุกวัน แต่น้อยคนที่จะสนใจอ่าน "ฉลาก" ที่อยู่ด้านหลังห่อหรือกล่อง ทั้งๆที่ในนั้นมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมาย และใช้เลือกระหว่างของกินแบบเดียวกันแต่ต่างยี่ห้อ ว่าแบบไหนดีต่อสุขภาพและต่อหัวใจของเรามากกว่า
ฉลากที่เราเห็นมีข้อมูลละเอียดยิบนั้น เรียกว่า "ฉลากโภชนาการ" ซึ่งมีหลายๆคำสำคัญที่เราต้องทำความรู้จัก ...
คำแรก คือ "หน่วยบริโภค" ซึ่งของกินบางชนิดก็คือทั้งกล่องหรือห่อนั้นเลย เช่น นมพร้อมดื่ม 1 กล่อง ก็เขียนไว้ที่ฉลากว่า 1 หน่วยบริโภคคือ 1 กล่อง 250 ซีซี. เป็นต้น แต่ของกินบางชนิดก็แบ่งหนึ่งหน่วยบริโภคย่อยลงไปกว่านั้น เช่นเครื่องดื่มสำหรับชง 1 ขวด กำหนดว่า 1 หน่วยบริโภคเท่ากับ 3 ช้อนโต๊ะ เป็นต้น ซึ่งอาหาร ขนม หรือเครื่องดื่มแต่ละชนิดแต่ละขนาดจะแบ่งต่างกันไป
จากนั้นเราก็ดูต่อไปว่า “คุณค่าทางโภชนาการต่อ 1 หน่วยบริโภค” ว่าจะได้พลังงานเท่าใด สารอาหารอะไรบ้าง ในปริมาณเท่าใด ซึ่งอีกคำที่เราจะเห็นได้บ่อยในข้อมูลสารอาหารแต่ละชนิด คือคำว่า "ร้อยละของปริมาณที่แนะนำต่อวัน"
คำว่า "ปริมาณที่แนะนำต่อวัน" นี้ บ่งบอกอย่างคร่าวๆว่าสำหรับคนไทยอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป ในหนึ่งวันควรได้รับพลังงาน น้ำตาล ไขมัน และโซเดียม ประมาณนี้หรือไม่เกินที่แนะนำ เช่น พลังงานไม่ควรเกิน 2,000 กิโลแคลอรี น้ำตาลไม่ควรเกิน 65 กรัม ไขมันไม่ควรเกิน 65 กรัม โซเดียมไม่ควรเกิน 2,400 มิลลิกรัม เป็นต้น
ฉะนั้นคำว่า "ร้อยละของปริมาณที่แนะนำต่อวัน" ก็บ่งบอกว่าสิ่งที่เรากำลังจะกินนั้น จะให้สารอาหารหรือพลังงานมากแค่ไหนเมื่อเทียบกับปริมาณที่เราต้องการต่อวัน เช่นสมมติว่าอาหารกล่องหนึ่งให้พลังงานไปร้อยละ 50 ของที่เราต้องการต่อวันแล้ว เราก็ไม่ควรกินอาหารนั้นเกินวันละ 2 กล่อง เป็นต้น
หลักเบื้องต้นในการตัดสินใจว่าจะซื้อไม่ซื้อ หรือจะซื้อของยี่ห้อไหน แบบใด ก็ต้องดูตัวเราเอง หรือคนที่เราจะซื้อให้กิน ว่า...
… ซึ่งทุกข้อที่กล่าวมา มีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงโรคหัวใจด้วยโดยตรง โดยเฉพาะ 3 ข้อแรก
ส่วนการจะใช้ฉลากโภชนาการเปรียบเทียบว่าจะซื้อยี่ห้อไหนดีกว่า หรือแบบไหนดีกว่านั้น เราจะต้องเทียบระหว่างอาหาร ขนม หรือเครื่องดื่มชนิดเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน ที่มีน้ำหนักเท่ากัน หรือความจุเท่ากัน แล้วอ่านที่ปริมาณสารอาหารทั้งแบบละเอียด และแบบ "ร้อยละของที่แนะนำต่อวัน" ด้วยก็ได้
อาหาร ขนม หรือเครื่องดื่มบางชนิด แม้จะความจุไม่เท่ากัน แต่ก็กำหนด "1 หน่วยบริโภค" ไว้เท่ากัน เช่น 50 กรัมก็มี ถ้าพบเจอแบบนี้ก็เปรียบเทียบสารอาหารกันได้
เพิ่มเติมอีกเรื่องที่ควรรู้คือ "ฉลากโภชนาการ" นี้ มีการแสดงข้อมูลชนิดและปริมาณสารอาหารของอาหาร ซึ่งเราจะเจอได้ 3 รูปแบบคือ "แบบเต็ม" "แบบย่อ" และ "แบบหวานมันเค็ม"
ทั้งหมดนี้อาจจะดูเหมือนเข้าใจยาก แต่ถ้าใครลองอ่านดูสักสองสามครั้งก็จะเข้าใจ และรู้สึกสนุกไปกับการสังเกตและเปรียบเทียบระหว่างอาหาร ขนม และเครื่องดื่มต่างๆ และสุดท้ายก็เลือกสิ่งที่ “ดีต่อหัวใจ” ให้กับตัวเราเองและคนที่เรารักได้ดีกว่าเดิม
แหล่งข้อมูล
หนังสือ “ฉันอย่างไร หัวใจแข็งแรง” โดยมูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์